จิตศึกษา
กราฟ ช่วงการเรียนรู้
สมองส่วนหน้า
- จะต้องทำงานให้มาก
ด้านศีลธรรม,จริยธรรม,จิตศึกษา
- มองเห็นแนวโน้ม
การตัดสินใจ
สมองส่วนกลาง
- การคิด
แกนสมอง
- พฤติกรรม
กระตุ้นให้แกนสมองส่ง การแสดงออกสัญชาตญาณ
ปริยัติ การสอบ
ปฎิบัติ สติ คือ
ความรู้สึก(คิด) และสติ (การรู้ตัว)
สิ่งสำคัญคือ ปฏิเวธ คือ
วิถีการทำเป็นเป็นชีวิต
สม่ำเสมอ + จิตวิทยาเชิงบวก
การทำให้เด็กมีสติรู้ตัว
เห็นคุณค่าทุกสรรพสิ่ง ให้เค้าเห็นคุณค่าสติกับสมาธิ
ในการจัดกิจกรรมซึ่งกระบวนท่าไม่สำคัญ
คำชมจะต้องมี และน้ำเสียงที่ใช้ก็ควรจะนุ่ม
มีกิจกรรมมากมายที่เกี่ยวกับจิตศึกษา
เช่น นำใบไม้ใส่ตะกร้า ให้เด็กลองวาดภาพความรู้สึกตอนนี้
ตอนที่เรามีความสุขที่สุดให้เด็กดูภาพระบายสีโดยใช้จุด จับมือส่งความรู้สึก
ครูอาจจะเล่าเรื่องในสิ่งที่พบเห็น
ครูเด็กน้อยคนหนึ่งที่ขาดโอกาสไม่มีโอกาสได้เรียน วันนี้เราเป็นคนที่มีโอกาสในสิ่งต่างๆ เรามาส่งน้ำให้เพื่อให้ส่งกำลังใจได้ค่อยๆ ส่ง
เด็กช่วยอธิษฐาน หรือการนำข่าวมาเล่า หน้าเสาธง
เราโชคดีนะคะ
เราช่วยส่งกำลังใจให้กำลังเพื่อนๆ
ช่วงนี้เป็นหน้าฝน มีโคลนดินถล่ม
เราช่วยกันส่งดวงจิตอธิษฐานจิตเพื่อให้เค้าปลอดภัย
เราอาจจะศึกษาเรื่องเล่าจากนิทาน
เซนหรือตามอินเทอร์เน็ต
ในการจัดกิจกรรมควรให้ครูผู้ปกครองมาร่วมกิจกรรมด้วยกัน
และมีการสรุปกิจกรรมการเรียนรู้ว่าได้เรียนรู้เรื่องอะไร มีความคาดหวังอะไร ทำกิจกรรมร่วมกัน ปฐมนิเทศผู้ปกครองให้มีความเข้าใจร่วมกัน ชิ้นงานที่ให้เด็กทำนั้นจะแสดงให้เห็นความคิดเด็กว่าเด็กคิดอย่างไร เช่น พืชเศรษฐกิจในท้องถิ่น เด็กๆ จะก็จะแสดงความคิดของเขาออกมา
การนำบล็อกมาต่อเป็นจิตศึกษาแปลงร่าง การจัดนิทรรศการเรียนรู้ ก็จะเห็นผลผลิตของเด็กๆ
ได้แสดงออกให้ผู้ปกครองได้เห็นชิ้นงานของเด็กๆ ผู้ปกครองก็จะเห็นความก้าวหน้าของเด็ก
และ วันนี้ครูต๋อยได้มอบหนังสือ"อธิษฐานสิจ๊ะ"
ให้อ่านคนละ1เล่ม และให้แผน PBL : หน่วยการเรียนรู้ (ชื่อ -เป้าหมาย-ภูมิหลัง-คำถามสำคัญ) และได้แบ่งกลุ่มเพื่อสังเกตการจัดกิจกรรมจิตศึกษาในแต่ละชั้นเรียน
ครูภรได้มอบหมายภาระงาน คือการเขียนบันทึกทุกวัน
PBL : หน่วยการเรียน : "
ชื่อ : โคกตาสอน ป่าแห่งศรัทธา" ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
เป้าหมาย :
1. เข้าใจ ตระหนัก
เห็นคุณค่า และความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างป่า สิ่งแวดล้อม และคนในชุมชน
2.
เข้าใจและสามารถสร้างเครือข่ายการดูแล การอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์จากป่าของชุมชนให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
ภูมิหลัง : "ป่าโคกตาสอน" ป่าผืนสุดท้ายของชุมชนบ้านหนองสะแกสน มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าค้นหา ในอดีตป่าโคกตาสอนมีพื้นที่เกือบ 20 ไร่ แต่ปัจจุบันเหลือพื้นที่ไม่ถึง 10 ไร่ ป่าโคกตาสอนเคยเป็นศูนย์รวมของสรรพชีวิต เป็นที่ก่อกำเนิดสายน้ำ ชีวิตพืชและสัตว์ที่หลากหลายอีกทั้งยังเป็นที่พึ่งพิงและให้ประโยชน์แก่ ชุมชนมาแต่โบราณกาล ปัจจุบันป่าโคกตาสอนซึ่งเป็นป่าตามธรรมชาติ ได้ถูกทำลายโดยการตัดไม้และการเผาป่าซึ่งเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น การนำต้นไม้มาเผาถ่าน นำไม้มาใช้หรือจำหน่ายเป็นโภคภัณฑ์ ในระหว่างที่ทำการเลี้ยงสัตว์ เพาะปลูก และตั้งถิ่นฐาน การตัดไม้โดยไม่ปลูกทดแทนด้วยจำนวนที่เพียงพอ การบุกรุกแผ้วถางเป็นพื้นที่ทำกินส่วนบุคคล การทิ้งขยะและของเสียก่อให้เกิดความเสียหายต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และปัญหาความแห้งแล้ง ซึ่งส่งผลเสียต่อการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ ระบบนิเวศเสียสมดุล พืชและสัตว์พื้นถิ่นบางชนิดในบริเวณป่าถูกทำลายและหายไปจากพื้นที่
ปัจจัยบางประการที่ทำให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่า การบุกรุกพื้นที่ป่าคือ ความไม่เอาใจใส่หรือความไม่รู้คุณค่าที่แท้จริง ขาดการให้คุณค่า การจัดการป่าไม้ที่ไม่เข้มงวด และกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่บกพร่อง
จากปัญหาดังกล่าว จึงเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ เพื่อสร้างความเข้าใจ ตระหนัก เห็นคุณค่าและความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างป่า สิ่งแวดล้อม และคนในชุมชน รวมทั้งสร้างเครือข่ายในการดูแล การอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์จากป่าของชุมชนให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
คำถามสำคัญ :
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น